นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สำหรับการใช้งานแอปพลิเคชัน Thai.id

บริษัท ฟินีม่า จำกัด (ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “บริษัท”) ได้พัฒนาแอปพลิเคชัน Thai.id (ซึ่งต่อไปนี้ เรียกว่า “Thai.id”) เพื่ออำนวยความ สะดวกแก่ผู้ใช้งานในการพิสูจน์และยืนยันตัวตน ซึ่งรวมไปถึงการทำสำเนาถูกต้องของเอกสารในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์และลงลายมือชื่อ อิเล็กทรอนิกส์ การให้บริการแอปพลิเคชันดังกล่าวทำให้บริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกโดยรวมว่า “ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล”)

เนื่องจากบริษัทเคารพและให้ความสำคัญกับสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน และเพื่อให้ท่านสามารถเชื่อมั่นได้ว่าบริษัทมีความ โปร่งใสและความรับผิดชอบในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจึงได้จัดทำนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (“นโยบาย”) นี้ขึ้น เพื่อ ชี้แจงแก่ท่านให้ทราบถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อได้สมัครบริการและใช้งาน Thai.id โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1. ขอบเขตการบังคับใช้นโยบาย

นโยบายนี้ใช้บังคับกับการประมวลผลข้อมูลส่วนนบุคคลของผู้ใช้บริการ Thai.id ในปัจจุบันและที่อาจมีในอนาคต ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท พนักงานตามสัญญา รวมถึงหรือบุคคลภายนอกที่ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลแทนหรือในนามของบริษัท (“ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล”) ภายใต้การให้บริการ Thai.id ซึ่งครอบคลุมบริการพื้นฐานและบริการเสริม (ซึ่งจะเรียกรวมกันว่า “บริการ”)

นอกจากนโยบายฉบับนี้แล้ว บริษัทได้กำหนดให้มีประกาศความเป็นส่วนตัวสำหรับการใช้งาน Thai.id ซึ่งแยกระหว่างบริการพื้นฐานและบริการเสริม เนื่องจากมีประเภทข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมแตกต่างกัน ประกาศความเป็นส่วนตัวดังกล่าวนี้ได้จัดทำขึ้น เพื่อชี้แจงให้ท่านซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลและผู้ใช้บริการทราบว่า บริษัทจะทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใดบ้าง วัตถุประสงค์และเหตุผลอันชอบด้วยกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลที่ตัวท่านซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีตามที่กฎหมายกำหนด ตลอดจนช่องทางการใช้สิทธิดังกล่าว

ในกรณีที่สาระสำคัญของประกาศความเป็นส่วนตัวและนโยบายนี้ขัดแย้งกัน ให้ถือตามความในประกาศความเป็นส่วนตัวของบริการนั้น ๆ

2. คำนิยาม

2.1. บริษัท หมายถึง บริษัท ฟินีม่า จำกัด

2.2 ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดา ซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ

2.3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ถูกบัญญัติไว้ในมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วน บุคคล พ.ศ. 2562 ซึ่งได้แก่ ข้อมูลเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูล ส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด

2.4. การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน

2.5. เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลธรรมดาซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัททำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

2.6. ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล บริษัท ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

2.7. ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล

3. แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม

บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากท่านผ่านเว็บไซต์หรือบริการสื่อสังคมของบริษัท และจากที่ท่านได้ติดต่อสอบถามเกี่ยวกับการใช้บริการและรายงานเหตุขัดข้องเกี่ยวกับบริการ

4. ฐานกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทพิจารณากำหนดฐานกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามความเหมาะสมและตามบริบทของการให้บริการ ฐานกฎหมายที่บริษัทใช้นี้ประกอบด้วย

ฐานกฎหมาย รายละเอียด
เพื่อการปฏิบัติตามสัญญา การที่ท่านตกลงใช้บริการ Thai.id ตลอดจนรับทราบข้อกำหนดและเงื่อนไขการใช้งาน Thai.id ย่อมมีผลผูกพันในลักษณะของสัญญาระหว่างท่านซึ่งเป็นผู้ใช้บริการและบริษัท ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ ประกอบกับบริการ Thai.id เป็นบริการพิสูจน์และยืนยันตัวตน บริษัท จึงมีความจำเป็นที่จะต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจึงจะสามารถให้บริการ Thai.id ได้ ดังนั้น หากท่านปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคล หรือคัดค้านการประมวลผล ข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดในข้อ 6. ย่อมส่งผลให้บริษัทไม่สามารถให้ บริการ Thai.id กับท่านได้
เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย เพื่อให้บริษัทสามารถปฏิบัติตามที่ตามกฎหมายหรือคำสั่งของหน่วยงานรัฐที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย เช่น การเก็บรวบรวมข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560
เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลอื่น ซึ่งประโยชน์ดังกล่าว มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วน บุคคล เช่น เพื่อป้องกันการฉ้อโกง เพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศ
ความยินยอมของท่าน

การให้บริการพิสูจน์และยืนยันตัวตนโดย Thai.id นั้น มีความจำเป็นต้องเก็บข้อมูลบน บัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งรวมไปถึงข้อมูลการนับถือศาสนา อันเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ อ่อนไหว ดังนั้น เพื่อเป็นการปฏิบัติตามมาตรา 26 วรรค 1 แห่งพระราชบัญญัติ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 บริษัทจึงต้องขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน การขอความยินยอมจะปรากฏท้าย “ประกาศประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) สำหรับการใช้งานแอปพลิเคชัน Thai.id”

ในกรณีที่ท่านสมัครใช้งานบริการเสริมของ Thai.id ที่นอกเหนือจากบริการพื้นฐาน และ บริการเสริมดังกล่าวมีความจำเป็นต้องใช้รูปถ่ายและวิดีโอคลิปซึ่งบันทึกใบหน้าและการ เคลื่อนไหวท่าทางของท่าน เช่น บริการ e-KYC สำหรับพิสูจน์และยืนยันตัวตน เนื่องจาก ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวและเป็นข้อมูลชีวภาพ ดังนั้น บริษัทจะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านเมื่อท่านตกลงสมัครใช้บริการเสริม ดังกล่าว

5. วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

ในการให้บริการ Thai.id ไม่ว่าจะเป็นบริการพื้นฐานหรือบริการเสริม บริษัทดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้

5.1 เพื่อการลงทะเบียนรับข่าวสารและข้อมูลเกี่ยวกับ Thai.id

5.2 เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายหรือคำสั่งของหน่วยงานรัฐ ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายให้บริษัทต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ของท่าน

5.3 เพื่อดำเนินการปกป้องคุ้มครองประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือบุคคลอื่น

5.4 เพื่อตอบคำถาม ปัญหา หรือข้อสงสัยเกี่ยวกับการให้บริการ Thai.id ที่ท่านได้ติดต่อสอบถามบริษัท รวมทั้งชี้แจงรายละเอียด เกี่ยวกับการแก้ไขเหตุขัดข้องในการให้บริการในกรณีที่ท่านได้แจ้งเหตุขัดข้องดังกล่าวต่อบริษัท

5.5 เพื่อชี้แจงรายละเอียดและรายงานผลการใช้สิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ท่านได้ร้องขอต่อบริษัท

6. ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม

ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ในข้อ 5. บริษัทจะดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ทั้งนี้ ประเภทและรายการข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมขึ้นอยู่กับประเภทบริการของ Thai.id ที่ท่านสมัครใช้บริการ และการติดต่อสอบถามของท่านมายังบริษัท โดยประเภทและรายการข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวมีดังต่อไปนี้

ประเภทข้อมูลส่วนบุคคล รายละเอียด
ข้อมูลสำหรับการติดต่อ
  • - หมายเลขโทรศัพท์
  • - อีเมล

หมายเหตุ: บริษัทจะนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านซึ่งถูกทำให้ไม่สามารถระบุตัวท่านซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ (anonymization) ไปวิเคราะห์สำหรับพัฒนาการให้บริการ Thai.id ต่อไป ข้อมูลที่จะนำไปวิเคราะห์ เช่น ช่วงอายุ เพศ และพฤติกรรมการใช้งาน Thai.id โดยข้อมูลส่วน บุคคลที่ผ่านการทำให้ไม่สามารถระบุตัวท่านซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนี้ไม่ใช่ “ข้อมูลส่วนบุคคล” ของท่านตามนิยามในมาตรา 6 วรรค 2 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

7. ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถและคนเสมือนไร้ความสามารถ

กรณีที่บริษัททราบว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมในการเก็บรวบรวม เป็นของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ บริษัทจะไม่ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้นจนกว่าจะได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจ ปกครองที่มีอำนาจกระทำการแทนผู้เยาว์ หรือผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ตามแต่กรณี ทั้งนี้ เป็นไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด

กรณีที่บริษัทไม่ทราบมาก่อนว่าเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ และมาพบในภาย หลังว่าบริษัทได้เก็บรวบรวมข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวโดยยังมิได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองที่มีอำนาจกระทำการแทนผู้เยาว์ หรือผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ตามแต่กรณี ดังนี้ บริษัทจะดำเนินการลบทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนั้นโดยเร็ว หากบริษัทไม่มีเหตุอันชอบด้วย กฎหมายประการอื่นนอกเหนือจากความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว

8. ประเภทบุคคลที่บริษัทเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

ภายใต้วัตถุประสงค์ที่ได้ระบุไว้ในข้อ 5. ข้างต้น บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลดังต่อไปนี้

ประเภทบุคคลผู้รับข้อมูล รายละเอียด
บุคคลหรือนิติบุคคลที่ท่านประสงค์จะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล บุคคลหรือนิติบุคคลที่ท่านประสงค์จะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ส่งสำเนาบัตรประจำ ตัวประชาชนในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ของท่านไปยังบุคคลหรือนิติบุคคลดังกล่าว ในการนี้บริษัทจะให้ท่านยืนยันการส่งออกข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่าน Thai.id ทุกครั้งก่อนที่จะดำเนินการส่งออก
หน่วยงานของรัฐ หน่วยงานผู้บังคับใช้กฎหมาย หรือมีอำนาจควบคุมกำกับดูแลหรือมีวัตถุประสงค์อื่นที่มี ความสำคัญ เช่น คณะรัฐมนตรี รัฐมนตรีผู้รักษาการ กรมการปกครอง กรมสรรพากร สำนักงานตำรวจ ศาล สำนักงานอัยการ กรมควบคุมโรค กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม สำนักงานปลัดสำนักนายก กรมการกงสุล กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เป็นต้น
พันธมิตรทางธุรกิจ พันธมิตรทางธุรกิจ บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลของท่านแก่บุคคลที่ร่วมงานกับบริษัทเพื่อ ประโยชน์ในการให้บริการแก่ท่าน เช่น ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม ผู้ให้บริการโทรคมนาคม ผู้ให้บริการด้านการจัดเก็บข้อมูล
ผู้ให้บริการ บริษัทอาจมอบหมายให้บุคคลอื่นเป็นผู้ให้บริการแทน หรือสนับสนุนการดำเนินการของ บริษัท เช่น ผู้พัฒนาระบบ ซอฟต์แวร์ แอปพลิเคชัน เว็บไซต์ ผู้ให้บริการจัดส่งเอกสาร ผู้ให้บริการด้านการชำระเงิน ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ผู้ให้บริการโทรศัพท์ ผู้ให้บริการ ด้าน Digital ID ผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ ผู้ให้บริการด้านการบริหารความเสี่ยง ที่ปรึกษาภายนอก

9. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ

ในการให้บริการ Thai.id นี้ ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามสัญญาระหว่างบริษัทในฐานะผู้ให้บริการ และท่านในฐานะผู้ใช้บริการ รวมทั้งเพื่อ ประโยชน์ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทมีความจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศเพื่อดำเนินการ ตามวัตถุประสงค์ในการให้บริการแก่ท่าน โดยส่งข้อมูลส่วนบุคคลไปยังระบบคลาวด์ (Cloud) ที่มีแพลตฟอร์มหรือเครื่องแม่ข่าย (Server) อยู่ต่าง ประเทศ (เช่น ประเทศสิงคโปร์ หรือสหรัฐอเมริกา เป็นต้น) เฉพาะประเทศที่มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเพียงพอตามมาตรฐานสากล และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลที่ได้มาตรฐานสากล

10. ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจนกว่าท่านจะลบบัญชีผู้ใช้งาน Thai.id กล่าวคือ เมื่อท่านลบบัญชีผู้ใช้งานแล้ว บริษัทจะ ดำเนินการลบข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเก็บรักษาข้อมูลที่เดิมเป็นข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแต่ได้ถูกทำให้ไม่สามารถระบุ ตัวตนของท่านแล้ว เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาการให้บริการ Thai.id ต่อไป

11. การให้บริการโดยบุคคลที่สามหรือผู้ให้บริการช่วง

บริษัทอาจมีการมอบหมายหรือจัดซื้อจัดจ้างบุคคลที่สาม (ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล) ให้ทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลแทนหรือ ในนามของบริษัทซึ่งบุคคลที่สามดังกล่าวอาจเสนอบริการในลักษณะต่าง ๆ เช่น การเป็นผู้ดูแล (Hosting) รับงานบริการช่วง (Outsourcing) หรือ เป็นผู้ให้บริการคลาวด์ (Cloud computing service/provider) หรือเป็นงานในลักษณะการจ้างทำของในรูปแบบอื่น

การมอบหมายให้บุคคลที่สามทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในฐานะผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้น บริษัทจะจัดให้มีข้อตกลงระบุ สิทธิและหน้าที่ของบริษัทในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและของบุคคลที่บริษัทมอบหมายในฐานะผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งรวมถึงกำหนด รายละเอียดประเภทข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทมอบหมายให้ประมวลผล รวมถึงวัตถุประสงค์ ขอบเขตในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลและข้อตกลง อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามขอบเขตที่ระบุในข้อตกลงและตามคำสั่งของบริษัทเท่านั้น โดยไม่สามารถประมวลผลเพื่อวัตถุประสงค์อื่นได้

ในกรณีที่ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลมีการมอบหมายผู้ให้บริการช่วง (ผู้ประมวลผลช่วง) เพื่อทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลแทน หรือในนามของผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้ บริษัทจะกำกับให้ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจัดให้มีเอกสารข้อตกลงระหว่างผู้ประมวลผล ข้อมูลส่วนบุคคลกับผู้ประมวลผลช่วง ในรูปแบบและมาตรฐานที่ไม่ต่ำกว่าข้อตกลงระหว่างบริษัทกับผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

12. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทมีมาตรการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล โดยการจำกัดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลให้สามารถเข้าถึงได้โดยเจ้าหน้าที่เฉพาะรายหรือ บุคคลที่มีอำนาจหน้าที่หรือได้รับมอบหมายที่มีความจำเป็นต้องใช้ข้อมูลดังกล่าวตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไว้แล้วเท่านั้น ซึ่งบุคคลดังกล่าวจะต้องยึดมั่นและปฏิบัติตามมาตรการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทอย่างเคร่งครัด ตลอดจนมีหน้าที่รักษาความลับของ ข้อมูลส่วนบุคคลที่ตนเองรับรู้จากการปฏิบัติการตามอำนาจหน้าที่ โดยบริษัทมีมาตรการรักษาความปลอดภัยข้อมูลทั้งในเชิงองค์กรหรือเชิงเทคนิค ที่ได้มาตรฐานสากล และเป็นไปตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด

นอกจากนี้ เมื่อบริษัทมีการส่ง โอน หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่บุคคลที่สาม ไม่ว่าเพื่อการให้บริการตามพันธกิจ ตามสัญญา หรือ ข้อตกลงในรูปแบบอื่น บริษัทจะกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลและการรักษาความลับที่เหมาะสมและเป็นไปตามที่กฎหมาย กำหนด เพื่อยืนยันว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมจะมีความมั่นคงปลอดภัยอยู่เสมอ

13. การเชื่อมต่อเว็บไซต์หรือบริการภายนอก

บริการของบริษัทอาจมีการเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์หรือบริการของบุคคลที่สาม ซึ่งเว็บไซต์หรือบริการดังกล่าวอาจมีการประกาศนโยบาย การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่มีเนื้อหาสาระแตกต่างจากนโยบายนี้ บริษัทขอแนะนำให้ท่านศึกษานโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์ หรือบริการนั้น ๆ เพื่อทราบในรายละเอียดก่อนการเข้าใช้งาน ทั้งนี้ บริษัทไม่มีความเกี่ยวข้องและไม่มีอำนาจควบคุมถึงมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วน บุคคลของเว็บไซท์หรือบริการดังกล่าวและไม่สามารถรับผิดชอบต่อเนื้อหา นโยบาย ความเสียหาย หรือการกระทำอันเกิดจากเว็บไซต์หรือบริการ ของบุคคลที่สาม

14. สิทธิของท่านตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่ในความควบคุมของท่านได้ มากขึ้น โดยท่านสามารถใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้ ดังนี้

14.1 สิทธิในการขอเข้าถึงและรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตัวท่าน ซึ่งบริษัทได้เก็บรวบรวม ตลอดจนสิทธิขอให้เปิดเผยที่มาขอข้อมูล ส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่าน อย่างไรก็ตาม บริษัทขอสงวนสิทธิปฏิเสธคำขอของท่านหากตามกฎหมายหรือคำสั่งศาลกำหนดให้บริษัทสามารถ ปฏิเสธคำขอใช้สิทธิดังกล่าวของท่านได้ และการเข้าถึงและการขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลนั้นจะส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสีย หายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น

14.2 สิทธิในการขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่านในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้ โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ ตลอดจนสิทธิในการขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วน บุคคลผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น และสิทธิในการขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่สภาพทางเทคนิคไม่สามารถทำได้

อย่างไรก็ตาม ท่านไม่สามารถใช้สิทธิดังกล่าวข้างต้นได้หากการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทเป็นการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย

14.3 สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตัวท่านเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่กรณีที่กฎหมายกำหนดให้บริษัท สามารถปฏิเสธคำขอของท่าน เช่น บริษัทสามารถแสดงให้เห็นว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีเหตุอันชอบ ด้วยกฎหมายยิ่งกว่า หรือเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือการยกขึ้น ต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

14.4 สิทธิขอให้ลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ หากท่านเห็นว่า ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาตามวัตถุประสงค์ในข้อ 5. หรือเมื่อท่านได้ใช้สิทธิคัดค้านตามข้อ 14.3 และบริษัท ไม่สามารถปฏิเสธคำขอของท่านได้

อย่างไรก็ตาม หากบริษัทเห็นว่าการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีความจำเป็นสำหรับบริษัทในการปฏิบัติหน้าที่ตาม กฎหมายหรือคำสั่งของหน่วยงานรัฐตามข้อ 5.3 หรือการใช้เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียก ร้องทางกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย บริษัทขอสงวนสิทธิในการปฏิเสธคำขอดังกล่าวข้างต้นของท่าน

14.5 สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

14.6 สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีใดกรณีหนึ่งดังต่อไปนี้

14.6.1 เมื่อบริษัทกำลังตรวจสอบตามที่ท่านร้องขอให้ดำเนินการตามข้อ 14.5

14.6.2 เมื่อท่านพบว่าการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ท่านขอให้ระงับการใช้แทน

14.6.3 เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตัวท่านหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาตามวัตถุประสงค์ในข้อ 5. แต่ท่านมีความจำเป็นขอ ให้เก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้ สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

14.6.4 เมื่อบริษัทอยู่ในระหว่างการพิสูจน์สิทธิของบริษัทในการปฏิเสธคำขอคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามข้อ 14.3

14.7 สิทธิในการขอถอนความยินยอมสำหรักกรณีที่มีการเก็บข้อมูลชีวภาพ อย่างไรก็ตาม การถอนความยินยอมนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถ ใช้งาน Thai.id ได้อีกต่อไป เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวมีความจำเป็นสำหรับการใช้งาน Thai.id โดยเฉพาะในขั้นตอนการพิสูจน์และยืนยัน ตัวตน

สิทธิในการร้องเรียนคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญที่แต่งตั้งโดยคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหากท่านเห็นว่าบริษัทไม่ปฏิบัติ 14.8 ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และประกาศที่ออกตามพระราชบัญญัติดังกล่าว ก่อนการร้องเรียนดังกล่าว บริษัทขอให้ท่านโปรดติดต่อมายังบริษัท เพื่อให้บริษัทมีโอกาสได้รับทราบข้อเท็จจริงและได้ชี้แจงในประเด็นต่าง ๆ รวมถึงจัดการแก้ไขข้อ กังวลของท่านก่อนในโอกาสแรก

15. โทษของการไม่ปฏิบัติตามนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามนโยบายอาจมีผลเป็นความผิดและถูกลงโทษทางวินัยตามกฎเกณฑ์ของบริษัท หรือตามข้อตกลงการประมวลผลข้อมูล ส่วนบุคคล (สำหรับผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล) ทั้งนี้ ตามแต่กรณีและความสัมพันธ์ที่มีต่อบริษัท และอาจได้รับโทษตามที่กำหนดโดย พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมทั้งกฎหมายลำดับรองที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติดังกล่าว

16. การปรับปรุงแก้ไขนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทอาจพิจารณาปรับปรุง แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้ตามที่เห็นสมควร และจะทำการแจ้งให้ท่านทราบผ่านช่องทางเว็บไซต์ www.thai.id โดยมีวันที่มีผลบังคับใช้ของแต่ละฉบับแก้ไขกำกับอยู่ อย่างไรก็ดี บริษัทขอแนะนำให้ท่านโปรดตรวจสอบเพื่อรับทราบนโยบายฉบับใหม่อย่างสม่ำเสมอ ผ่าน Thai.id หรือช่องทางอื่นที่บริษัทกำหนด โดยเฉพาะก่อนที่ท่านจะทำการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัท การเข้าใช้งานผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัทภายหลังการบังคับใช้นโยบายใหม่ ถือเป็นการรับทราบตามข้อตกลงในนโยบายใหม่แล้ว

17. การติดต่อสอบถามหรือใช้สิทธิ

หากท่านมีข้อสงสัย ข้อเสนอแนะหรือข้อกังวลเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท หรือเกี่ยวกับ นโยบายนี้ หรือท่านต้องการใช้สิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านสามารถติดต่อสอบได้ที่

  • บริษัท ฟินีม่า จำกัด
  • สถานที่ติดต่อ: เลขที่ 98 ซอยอารี แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110
  • อีเมล: [email protected]
  • เบอร์โทรศัพท์: 02-211-9995

e-Signature
Easy, Fast, Secure
บริษัท ฟินีม่า จำกัด
เลขที่ 98 ซอยอารี แขวงคลองตัน
เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110